ก่อนจะเริ่มเนื้อหาผมอยากให้ไปทำความรู้จักก่อนว่า VAT (Value Added Tax หรือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม) คืออะไร

อ้างอิงจาก website กรมประชาสัมพันธ์

“ภาษีมูลค่าเพิ่ม Value Added Tax (VAT) คือ ภาษีอากรประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นในทุกการบริโภคที่รัฐบาลเรียกเก็บจากผู้ซื้อสินค้าหรือบริการ ถือเป็นภาษีทางอ้อมโดยที่ผู้ประกอบการนั้นจะเรียกเก็บจากผู้บริโภคจากการซื้อสินค้าและบริการที่บวกลงไปในราคาของผลิตภัณฑ์ และจะนำภาษีนั้นส่งให้กับกรมสรรพากรเพื่อเข้าสู่คลังของประเทศเพื่อการใช้จ่ายและพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ”

รายละเอียดเพิ่มเติม ตาม link :
ทำความเข้าใจเรื่อง VAT 7% อย่างถูกต้อง ประชาชนได้ประโยชน์อะไร ประเทศพัฒนาแล้วเก็บกี่ %

สั้นๆคือ VAT คือภาษีที่ “รัฐเก็บจากผู้บริโภค” หลายๆครั้งผมเห็นความเข้าใจผิดของผู้ประกอบการหลายท่านว่า VAT 7% นั้น ผู้ประกอบการเป็นคนจ่าย ปัญหามันเกิดจาก ไม่ได้คิด VAT เข้าไปในราคาขาย ทำให้ VAT กลายเป็นต้นทุน และทำให้หลายคนคิดว่า เงินที่ผู้บริโภคจ่ายมาทั้งหมดนั้นคือ “รายได้” ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก แต่ก็มีการคิดและสอนเรื่องแบบนี้กันอย่างแพร่หลาย ทำให้เข้าใจว่า VAT คือเงินของผู้ประกอบการ รัฐให้หักได้ก็ไปซื้อบิล หาวิธีหัก VAT แบบผิดกฎหมาย พอโดนตรวจทีก็ไปต่อไม่ถูก

แล้วถ้าจะทำธุรกิจ ควรจด VAT ตั้งแต่ตอนไหน?

อ้างอิง จาก website กรมประชาสัมพันธ์

1. วันเริ่มประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้ บริการ หรือกรณีอยู่ระหว่างเตรียมการที่จะเริ่ม ประกอบกิจการ (เช่น อยู่ในช่วงการก่อสร้างโรงงาน ก่อสร้างอาคารสำนักงาน หรือกำลังติดตั้งเครื่องจักร) และได้มีการซื้อสินค้าหรือรับบริการที่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการมีสิทธิยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภายใน 6 เดือนก่อนวันเริ่มประกอบ กิจการขายสินค้าหรือให้บริการ

2. ภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีมูลค่าของฐาน ภาษี (รายรับ) เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี

รายละเอียดเพิ่มเติม ตาม link
มารู้จัก ภาษีมูลค่าเพิ่ม กันก่อนดีไหม

แสดงว่าถ้าเราจะทำธุรกิจ เราควรจดตั้งแต่วันแรก แต่รัฐมีหารยกเว้นให้ว่า ถ้าคุณเป็นธุรกิจขนาดเล็กมากๆ รายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านต่อปี (เฉลี่ย เดือนละ 150,000 บาท) คุณยังไม่ต้องจด VAT และเรียกเก็บ VAT ให้รัฐก็ได้ ทำให้ลูกค้าที่มาซื้อสินค้าหรือใช้บริการกับคุณ (ถ้าคิดราคาเท่ากันกับเจ้าที่จด VAT) จะเสียค่าสินค้าหรือบริการน้อยลง (ทุกวันนี้ VAT ประเทศไทยอยู่ที่ 7% จากราคาขาย แต่ไม่ใช่ ขาย 100 บาท แล้ว VAT คือ 7 บาท ขออธิบายเรื่องนี้ในโอกาสต่อไป)

การจด VAT นั้นยังนำมาซึ่ง สิ่งที่ผู้ประกอบการบ้างท่านเรียกว่า “ภาระในการยื่นภาษีรายเดือน” ซึ่งผมก็อยากจะแก้ว่า มันไม่ใช่ภาระ แต่มันคือหน้าที่และมันมีต้นทุน ซึ่งถ้าบางท่านคิดว่าทำเองได้ ท่านก็ทำเองไปต้นทุนท่านก็ต่ำกว่าคนที่ทำเองไม่ได้และต้องจ้าง ส่วนจะทำผิดทำถูกแต่ละท่านก็ต้องรับความเสี่ยงเอง

ถ้าท่านเข้าใจแล้วว่า VAT ไม่ใช่รายได้ และ VAT คือสิ่งที่ผู้ซื้อจ่ายให้รัฐ ส่วนท่านมีหน้าที่ส่งให้รัฐ หลายท่านคงเข้าใจว่า ทำไมร้านค้าบางร้านเค้าจำเป็นต้องขายแพงกว่าท่าน

ยกตัวอย่างเช่น

ร้านข้าวแกง A เปิดร้านมาคิดว่ามารายได้เกินปีละ 1.8 ล้านแน่ๆ และรู้ว่ามีต้นทุนทางบัญชี เลือกที่จะขายข้าวแกงจานละ 55 บาท เพราะนอกจากค่าวัตถุดิบ ค่าเช่า ฯลฯ ก็คิดต้นทุนทางบัญชี และบวก VAT ที่รัฐให้เรียกเก็บ (50 บาท + ต้นทุนทางบัญชี (1บาท) + VAT 7% (3.75บาท))

ร้าน B เห็นว่า คำนวนต้นทุนแค่ ค่าเช่า ค่าวัตถุดิบ ฯลฯ ก็คิดไปว่า เฮ้ยเจ้า A มันขายราคาสูงไปว่ะ เราทำได้เหมือนกันเลย ตัดราคาเค้ามาเหลือ 45-50 บาทดีกว่า เพราะไม่คิดต้นทุนทางบัญชี คิดว่า “ทำเองได้” ไม่คิดเรื่อง VAT เพราะคิดว่า เงินทุกบาทที่ลูกค้าจ่ายเป็นรายได้ และยังไงก็ไม่ต้องส่ง VAT อยู่แล้วเพราะรายได้ไม่เกิน 1.8ล้าน ต่อปี

วันนึงเจ้า B มีรายได้เกิน1.8 ล้าน แต่คิดว่าขึ้นราคาไปลูกค้าหายแน่ ขึ้นไม่ได้ จะคงราคาก็ดันไม่ได้คิดต้นทุนให้รอบคอบ แถมยังคิด VAT เป็นรายได้ไปด้วย โดยที่ลืมคิดว่า ราคาที่ตัวเองขายอยู่ตั้งแต่แรก ถ้าต้องจ่าย VAT จะไม่มีกำไร และเริ่มเข้าใจว่าทำไมเจ้า A ถึงต้องขาย 55 บาท

ถ้าทุกวันนี้ท่านขายข้างแกงจานละ 50 บาท แล้วบอกว่า ต้องส่ง VAT แต่ลูกค้าไม่จ่ายท่านต้องจ่ายแทน ผมแค่จะบอกว่ามันไม่ใช่ เพราะราคาที่ท่านตั้งนั้น มันต้องรวม VAT ที่ ลูกค้าต้องจ่ายตั้งแต่แรก การที่บอกว่า “ต้องเสีย VAT แทนลูกค้า” จึงไม่ถูกตัอง

ถ้าท่านมีรายได้เกิน ปีละ 1.8ล้าน แต่คิดว่า ”VAT เป็นรายจ่ายส่วยเกินที่ท่านต้องจ่ายแทนลูกค้า“ อันนี้ไม่ใช่เพราะราคาที่ท่านตั้ง ตั้งแต่แรก มันต้องรวม VAT ไปแล้ว (ในกรณีที่ท่านรู้ว่ารายได้ท่านจะเกิน 1.8ล้าน)

ถ้าท่านบอกว่า ยังไม่พร้อมขึ้นราคา ท่านก็อย่าให้รายได้ท่านเกิน 1.8ล้านต่อปี

ราคาสินค้าที่ตั้งตั้งแต่วันแรก จะปรับขึ้นแต่ละทีลำบากมากๆเพราะผู้บริโภคไม่มีใครชอบ การคิดต้นทุนสินค้าหรือบริการ และการคิดราคาขายตั้งแต่แรกนั้นจึงสำคัญมากๆ หวังว่าท่านที่เข้ามาอ่านจะเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมผมถึงบอกว่า VAT ไม่ใช่รายได้ และท่านไม่ได้เป็นคนจ่าย นะครับ